วันเสาร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2553

Thai version of short story



บันทึกของแม่
ฉันแต่งงานกับร็อบมาได้สี่ปีแล้ว เราใช้ชีวิตคู่เพียงลำพังสองปีก่อนตัดสินใจเรื่องที่สำคัญที่สุดเรื่องหนึ่งของการมีครอบครัว ฉันเคยได้ยินบางคู่แต่งงานเขาพูดกันว่า อยากใช้ชีวิตคู่ลำพังนานๆ ได้เที่ยวในที่ต่างๆ ทำกิจกรรมสนุกสนานร่วมกันสองคนยังไม่พร้อมที่จะรับผิดชอบอีกชีวิต จริงอย่างที่เขาว่าบางคู่เขาอยู่กันเป็นห้าหกปีอย่างน้อยก่อนจะมีลูก แต่ตอนนี้สองปีเพียงพอแล้วสำหรับฉันกับชีวิตคู่เพียงลำพัง หลังจากที่พ่อแม่พร้อมให้ออกใช้ชีวิตของตัวเอง ตอนนี้ฉันมีงานที่ดีที่ฉันรักและพร้อมจะมีอีกคนมาสร้างครอบครัวของตัวเองเหมือนกับที่พ่อกับแม่สร้างฉันมา
หลังจากสองปีเพียงลำพังของเราสองคน ฉันตัดสินใจอยากจะมีอีกคนในครอบครัวเป็นตัวแทนความรักระหว่างฉันกับร็อบ ร็อบเป็นคนชอบเด็กมาก ฉันเห็นแววตาร็อบเวลาเขามองเด็กๆตอนเราไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะเขาดูมีเสนห์ น่ารักและอ่อนโยน ส่วนเด็กๆก็ดูจะชอบเขาเช่นกัน จอห์นเป็นผู้ชายตัวสูงเก้งก้าง ชอบปล่อยผมยาวหนวดเครารุงรัง เขาอ้างเสมอว่า “คุณก็รู้ว่าผมงานยุ่ง ว่างแล้วค่อยตัดนะ..ครับ”และก็จบด้วยการหอมแก้มฉันหนึ่งที แต่ฉันว่าไม่เห็นมันจะเกี่ยวกันตรงไหน ฉันทะเลาะกับเขาเรื่องนี้บ่อยมากและมันเป็นเรื่องเดียวของเขาที่ทำให้ฉันอารมณ์เสีย เขาก็เห็นด้วยกับฉันว่าเขาผมสั้นดูดีกว่าผมยาวหยิกๆ ร็อบเขาฉลาดเล่นกับเด็ก ฉันเห็นเขาทักทายเด็กคนไหนก็คนนั้น เล่นกับเขาได้เป็นนานสองนาน ถึงแม้ว่าร็อบจะทำตัวเหมือนโจรก็ตามที
วันหนึ่งฉันบอกร็อบว่า “ฉันพร้อมมีลูกแล้วนะคะ” เขาดูดีใจมากจนพูดอะไรไม่ออก ร็อบรู้ว่าฉันรักงานมากรักเท่าๆกับตัวเขา ฉันต้องไปทำงานต่างประเทศนานๆหลายเดือนถึงจะได้กลับบ้านครั้ง เวลาพักฉันก็มีไม่มาก เขาเคยบ่นว่าฉันทำงานมากกว่าอยู่กับเขาเสียอีก แต่เขาก็รู้ดีว่าเขาคือที่หนึ่งและที่สุดของฉัน “ค่ะฉันรักงานฉันมาก แต่รู้ไหมมันไม่เคยมากเท่ากับที่ฉันรักคุณ” ฉันเคยพูดกับเขาครั้งหนึ่งแล้วเขาก็จำได้เสมอมา แล้วร็อบก็ถามว่าเขาต้องทำอย่างไรบ้าง ฉันขอให้เขาไปตัดผมโกนหนวดได้ไหม คราวนี้เขาไม่มีอิดออดอ้างนู่นนี่นั่นเหมือนเคย ฉันรู้ทุกครั้งที่เขาทำแค่ต้องการยั่วโมโหกวนประสาทให้ฉันหงุดหงิดเล่น ฉันจำได้ติดตาถึงแววตาเปล่งประกายเหมือนเด็กชายได้ของเล่นชิ้นใหม่ ช่วงนี้ร็อบว่างงานกำลังเขียนเพลงอยู่ มีเวลาออกกำลังกาย สรรหาอาหารเสริม ผักผลไม้มาบำรุงฉันทุกวัน งานบ้านก็ไม่ให้จับ “นี่ฉันยังไม่ได้ท้องนะคะ ไม่ต้องถึงขนาดนี้ก็ได้ ขืนกินอย่างนี้ทุกวัน อ้วนฉุ ทำงานไม่ได้แน่นอน” ร็อบหน้าเฝื่อนลงเล็กน้อย “แต่ทุกอย่างอร่อยมากเลยนะ ถูกใจ ชอบมากเลยนะ” ฉันปลอบ
ฉันกับร็อบอายุห่างกันสิบสองปี ร็อบรู้ดีตอนนี้เป็นช่วงที่งานของฉันกำลังไปได้ดี ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะเร่งรัดเรื่องลูก แต่สำหรับฉัน ฉันสังเกตตลอดเวลาว่าอะไรคือความสุขของเขา และฉันก็ทำอย่างนั้นเรื่อยมา จนถึงเวลาเรื่องลูก ฉันคิดถึงผลกระทบเรื่องงานที่จะตามมาเพราะถ้าหากชั้นมีลูก ฉันต้องหยุดงานอย่างน้อยหนึ่งปี เพราะฉันต้องการใช้เวลากับเขาให้เต็มที่อย่างที่แม่ทุกคนควรทำ เราแก่ลงทุกปีโดยเฉพาะร็อบ เขาต้องได้เล่นกับลูกของตัวเองบ้าง
หลังจากนั้นเดือนกว่าๆ ฉันก็ท้องและยังทำงานอยู่โดยไม่รู้ตัวว่าท้อง โปรเจคงานนี้เหลืออีกเดือนเดียวกว่าก็จะจบ ฉันจึงไม่ได้บอกจอห์นทันทีที่ฉันรู้ถึงแม้ว่าฉันอยากจะบอกเขาใจแทบขาด ฉันโทรบอกเพื่อนสนิทให้รู้เป็นคนแรก เพราะฉันรู้ดีว่าเขาต้องบึงมาหาฉันทันทีถ้ารู้ว่าฉันท้อง และเขาก็มาจริงๆเขารู้ว่าร็อบรักฉันมากและคงต้องการให้เขามาดูแลฉันแทนตัวเขาเอง “ฉันตื่นเต้นมากเลยนะเธอรู้ไหม แล้วตาจอร์นยังไม่รู้ใช่ไหม เธอท้องกี่เดือนแล้ว” เธอร่ายยาวหลังจากฉันมารับเธอที่สนามบิน “ยังเลย ไม่กล้าบอกหนอก เดี๋ยวตื่นเต้นเกินเหตุ ห้ามไม่ให้ฉันทำงานขึ้นมาจะว่ายังไง นี่ก็ใกล้ปิดกล้องแล้ว เดี๋ยวรอบอกทีเดียว” ฉันตอบ “ขอบคุณนะที่มา ฉันรู้ว่าเธอต้องมา” “หลานฉันนี่ ไม่มาได้หรอ” เธอว่า เรามองตาแล้วต่างก็หัวเราะใส่กัน
งานฉันเสร็จเราแยกย้ายกันที่สนามบินพี่ไก่กลับบ้านส่วนฉันไปบอกข่าวดีให้จอห์นรู้ เขาต้องดีใจเป็นปลาได้น้ำแน่ๆ ฉันนอนไม่หลับตลอดเที่ยวบินทั้งๆที่อยากนอนแทบตาย ฉันลงเครื่องเดินมาทางออกผู้โดยสาร หัวใจฉันยังเต้นไม่เป็นจังหวะเหมือนครั้งแรกที่ฉันเจอเขาก่อนที่เราจะเริ่มออกเดทกัน พ่อเทพบุตรของฉัน เขายังผมสั้นใบหน้าเกลี้ยงเกลาเหมือนตอนที่ฉันบอกว่าเราจะมีลูกกันนะ เขายังคงรักษาความพึงพอใจของฉันเรื่อยมาจนถึงวันนี้ ฉันเดินมาหยุดตรงหน้าเขาในใจฉันเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักความคิดถึง เราไม่ได้เจอกันเกือบแปดเดือน ฉันยิ้มหวาน เหมือนจะมีน้ำตา สองมือยกขึ้นมากุมปากตัวเองไว้สูดลมหายใจเข้า น้ำตาแห่งความปราบปลื้มยินดีกำลังจะเอ่อไหล I say Hi ฉันคิดถึงคุณจัง แล้วโผเข้ากอดเขา แสวงหาความอบอุ่นในกายของผู้ชายที่ฉันรัก แล้วน้ำตาฉันก็ไหลจริงๆ ฉันออกจากอ้อมกอดเขาเอามือปาดน้ำตานั้น เขาคงขำฉันฉันรู้เพราะฉันเป็นอย่างนี้ทุกครั้งหลังจากที่เราจากกันไปทำงานนานๆ เขาก้มลงจูบฉันเบาๆที่ริมฝีปาก I miss you too honey ถึงเวลาแล้วที่ฉันต้องบอกข่าวดี I had some good news for you honey ฉันเม้มริมฝีปากมองเขาด้วยแววตาเปล่งประกาย I m pregnant He got a little bit shock ฉันยิ้มกว้างรอเขาจะว่าอย่างไรต่อ เขาไม่พูดอะไรสักคำ แต่กลับ ก้มลงมาที่ฉัน and gave me a big kiss of stronger than the first time. ฉันรู้ว่าเขามีความสุขมากขนาดไหน ฉันสังเกตเห็นหลายคนมองมาที่เราฉันก็เริ่มเขินนิดหน่อย I think it is enough honey I kind of know what you are feeling เขาถอนจูบแล้วเราก็เข็นกระเป๋าไปรถ
ฉันคลอด Leona เราตั้งชื่อลูกตามผู้หญิงที่ทำให้ฉันรู้จักจอห์นฉันถามจอห์นแล้วว่าเขาจะว่าอะไรไหม เขาตามใจฉันแล้วก็เห็นดีด้วย จอห์นเห่อลูกมาก เวาลาฉันหลับเขาจะตื่นเขาบอกชั้นว่า คุณเหนื่อยมาเก้าเดือนแล้ว ต่อไปเป็นหน้าที่ผมบ้างHe kiss me forehead เรามีเวลาอยู่กับโอน่าด้วยกันจนกระทั่งโอน่าอายุได้ขวบครึ่ง ระหว่างนั้นจอร์นกำลังมีอัลบัมใหม่จะวางแผงเร็วๆนี้เขาจึงต้องเข้าห้องอัดและเตรียวตัวสำหรับทัวร์ของอัลบัมใหม่นี้ อย่างน้อยๆก็ต้องใช้เวลาเกือบปี ฉันมั่นใจว่าแฟนเพลงตั้งหน้าตั้งตารอผลงานเขามานานและอยากเห็นเขาบนเวที ฉันเช็คข่าวบนเว็บไซท์เขาตลอด พวกเขาคงตื่นเต้นมากที่จะได้เห็นจอห์นแสดงสดบนเวทีอีกครั้ง ฉันก็เหมือนกัน โอน่ากับฉันไปห้องอัดและดูจอร์นกับวงซ้อมทุกวัน ดูท่าว่าโอน่าจะชอบเสียงดนตรีมาก เธอไม่เคยหงุดหงิดหรือร้องงอแงเวลาที่เราอยู่ที่นั่นนานๆ
ถึงเวลาจริงที่จอห์นต้องออกโปรโมตอัลบัล จอห์นอยากให้ฉันกับดอน่าไปกับเขาด้วย แต่ฉันบอกเขาไปว่าโอน่ายังเล็กมากให้เดินทางบ่อยๆคงไม่ค่อยดีเท่าไหร่แต่ถ้าวันไหนที่วงของเขามีโปรโมตอยู่ในประเทศฉันกับโอน่าก็ไม่เคยพลาด จอห์นออกทัวร์หลายประเทศติดต่อกันเป้นเวลาเกือบหกเดือนที่เขาไม่ได้กลับบ้าน แต่เราก็ติดต่อกันตลอด จอห์นโทรหาฉันกับลูกทุกวันเขาอยากคุยกับลูก แต่โอน่ายังพูดไม่ได้ แต่เขาเรียน Daddy ได้ จอห์นดีใจมากที่ได้ยินลูกเรียก เขากลัวว่าถ้าเขาไม่ได้กลับบ้านนานๆโอน่าจะจำเขาไม่ได้ ฉันได้ยินก็ขำมาก เลยบอกเขาไปว่า I show her your pictures every day and basically you know I have a lot of your photographs on walls’ room, sometimes If Leona has a good mood she usually call you at your displays Daddy! มันเป็นสิ่งที่ทำให้เขามีกำลังใจทำงานและไม่คิดถึงบ้านมากขึ้น เพราะเขามักจะขอฉันกลับบ้านบ่อยๆถ้าเขาว่างสักอาทิตย์ แต่ฉันบอกเขาไปเสมอว่ามันเปลือง ฉันอยากให้เขาทำงานของเขาให้เต็มที่ให้สมกับช่วงเวลาที่แฟนๆของเขารอคอย และอีกอย่างถ้าเขาเดินทางมากๆกลับไปกลับมาก็จะเหนื่อยและไม่มีเวลาซ้อมกับวง หากวันไหนเขามีเวลาว่างมากๆทั้งวันเราจะออนไลน์ Web shat คุยกันได้เห็นหน้าซึ่งกันและกัน จอห์นตื่นเต้นมากที่เห็นโอน่าเดินผ่านกล้อง My girl can walk! โอน่ากำลังหัดเดิน เธอเดินไปมาระหว่างของเล่นที่เธอกำลังติดใจและเวลาได้ยินพ่อเรียกเธอก็จะเดินมาที่กล้อง Say hi and call Daddy โอน่าเป็นเด็กน่ารักและอารมณ์ดี เธอชอบสังคมชอบมีเพื่อนได้เล่นกับเด็กคนอื่นๆ ฉันกำลังง่วนอยู่กับอาหารกลางวันของโอน่ากับฉัน บ้านของเราlocated next to john’s parents’ house จอห์นไม่อยากให้ฉันอยู่ลำพังกับลูกเพราะเขาเป็นห่วง บ้านเขามีพ่อแม่แล้วก้ครอบครัวน้องสาวที่ลูกหนึ่งคน ฉันหันไปเจอโอน่ากำลังเล่นอยู่หน้ากล้องพูดกับพ่อเขาอยู่ เธอใช้มือเล็กๆของเธอลูบๆคลำที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ดูเหมือนเธอกำลังจะตอบคำถามและถามกลับกับภาพในจอนั้น ฉันทำกับข้าวเสร็จพอดีจึงเดินไปสมทบเธอกับจอห์น ฉันอุ้มโอน่านั่งบนตักแล้วเราก้เริ่มคุยกันเป็นเรื่องเป็นราว ฉันสังเกตเห็นแววตาของจอห์น ผู้ชายตัวโตดูเข้มแข็ง His eyes are going to have tears I really feel of his emotion he missed Leona and I So he said Im gonna finish my work soon we will meet each other in reality.


จอห์นกลับมาบ้านแล้ว โอน่าดูตื่นเต้นมากที่เห็นผู้ชายตัวโตๆเดินไปเดินมาในบ้านนอกจากแม่ของเธอ เธอใช้เวลาไม่นานทำความคุ้นเคยกับพ่อที่ไม่เจอกันเป็นครึ่งปี ตอนนี้โอน่าอายุได้สองขวบกว่าแล้ว เธอเดินได้คล่องและกำลังหัดพูดและฉันก็รู้สึกว่าเธอจะชอบพูดมากด้วยโดยเฉพาะพูดกับพ่อของเธอ ครึ่งปีจอห์นกลับมาพร้อมกับหนวดเคราผมเริ่มยาว ฉันยังไม่ได้พูดอะไรแต่เขาก็รู้เขาแก้ตัวว่า ก็ลูกเราเป็นผู้หญิง ผมเป็นพ่อก็ต้องทำตัวให้หน้าเกรงขามหน่อยเผื่อมีเด็กๆผู้ชายมาจีบลูกเรา I responded “She is just two years honey!” เขาทำท่าไม่สนใจฉันแล้วไปเล่นกับลูกต่อ มื้อเย็นฉันบอกจอห์นว่าถึงเวลาที่ฉันต้องกลับไปทำงานแล้ว ตอนนี้โอน่ารโตขึ้นมากแล้วและเธอก็เป็นเด็กเลี้ยงง่าย จอห์นรู้ว่ายังไม่ถึงเวลาสำหรับฉันที่จะหยุดทำงาน เราตกลงกันว่าฉันจะกลับไปทำงานแล้วจอห์นกับโอน่าจะย้ายไปอยู่บ้านแม่ ฉันมีกำหนดทำงานครั้งนี้ประมาณสี่เดือนมันเป็นโปรเจ็คไม่ใหญ่จึงใช้เวลาไม่นานมากนัก แต่ถ้าเมื่อเทียบกับเวลาที่ต้องจากคนที่ฉันรักไปมันนานเหลือเกิน อาทิตย์แรกฉันผ่านมันไปได้อย่างยากลำบากฉันคิดถึงจอห์นกับโอน่ามากเรามีเวลาอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาสามคนพ่อแม่ลูกหลังจากจอห์นกลับมาแค่เดือนเดียว งานฉันยุ่งมากบางวันเหนื่อยจนไม่มีแรงรับโทรศัพท์หัวถึงหมอนก็หลับปุ๊บ แต่จอห์นกับโอน่าจะฝากข้อความถึงฉันทุกวัน ตอนนั้นฉันอยู่ในอารมณืเดียวกันกับจอห์นคิดถึงจนน้ำตาไหล ฉันไม่ได้อยู่ฉลองคริสต์มาสกับพวกเขารวมทั้งปีใหม่ด้วย ฉันเกิดหลังปีใหม่ไม่กี่วัน จอห์นโทรมาบอกว่าเขากับโอน่าจะมาหาฉันเราจะฉลองวัยเกิดฉันด้วยกัน ฉันดีใจและตื่นเต้นมาก ฉันบอกให้เขาพาน้องสาวกับครอบครัวเธอมาด้วยเขาจะได้มีเพื่อนมีคนช่วยดูแลโอน่า แต่เขาก็ยืนยันว่าเขากับโอน่ามาด้วยกันแค่สองคนได้ We can go even us both, said John insistedly.
แล้ววันนั้นก็มาถึงวันนั้นฉันทำงานอยู่ไปรับเขาไม่ได้เขาถึงต้องนั่งเท็กซี่มาโรงแรมเอง วันนั้นเกิดอะไรขึ้นกับโอน่าก็ไม่รู้เธอหงุดหงิดงอแงตอนลงจากเครื่องเธอคงไม่ชินกับการนั่งเครื่องบินนานๆ เขาสองพ่อลูกวุ่นวายมาก ฉันนึกภาพจอห์นต้องอุ้มโอน่าเพราะเธอไม่ยอมเดิน ต้องไปรับกระเป๋าแล้ววันนั้นเที่ยวบินคนเยอะมากจอห์นจึงเอากระเป๋ามาไม่ครบ วันนั้นฉันเลิกงานประมาณสองทุ่มกว่าและเป้นวันที่ฉันเหนื่อยมาก มีปัญหานิดหน่อยกับงานเพราะต้องลางานสองวันเพื่อใช้เวลาฉลองวันเกิดกับครอบครัว จอห์นโทรหาฉันบอกว่าถึงห้องแล้ว แต่.. ลืมกระเป๋าของเจ้าตัวไว้ที่สนามบิน ฉันโมโหมากฉันเหนื่อยกับที่ทำงานมาตั้งแต่เช้าวันนี้ก็เลิกดึกคิดว่าจะได้กลับบ้านไปเจอลูกไปเจอเขา ฉันจึงว่าเขาไปหลายคำ Remember I said you should invite you daughter’s family to come as well, see Ona is a little girl and never travel on the fight so she get sick and I have to drive a large mile to take your lugged ha! You Know Im really mad at you. ฉันขับรถไปเอากระเป๋าให้เขาที่สนามบินกว่าจะกลับมาถึงห้องก็เกือบเที่ยงคืน กระเป๋าเขาไปเล็กนิดเดียว ฉันเปิดประตูห้องเข้าไป ไปห้องเปิดอยู่ จอห์นวางโทรศัพท์ไว้บนโซฟาห้องรับแขก ถึงว่าฉันโทรหาเขาเท่าไหร่ก็ไม่รับ คงหลับกันหมดแล้ว ฉันเปิดประตูห้องนอนไฟก็ยังเปิดอยู่ แต่..ภาพที่ฉันเห็นตั้งแต่ปลายเท้าฉัน ฉันเหยียบชุดกระโปรงของโอน่าอยู่หันไปทางซ้ายมือทางห้องน้ำเป็นกางเกงในตัวเล็กๆของเธอ รอยแป้งเกลื่อนพืนไปหมด ผ้าเช็ดตัว เสื้อผ้าถูกรื้อวางระเกะระกะ ฉันมองดูกระเป๋าใบโหญ่นั้นข้างในมีแต่เสื้อผ้าของใช้ของโอน่าไม่มีสักชิ้นที่เป็นของจอห์น อ้อ..มีแปรงสีฟันของเขาอันนึงแนบมากับเสื้อผ้าลูก จอห์นกับลูกนอนหลับอยู่บนเตียงสภาพเลอะแป้งกันทั้งคู่ ภาพตรงหน้าตัดทอนความเหนื่อยล้าและความโกรธของฉันหายเป็นปลิดทิ้ง ฉันยืนมองภาพนั้นอยู่สักครู่ มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นฉันจึงรีบไปรับกลัวว่าพ่อลูกจะตื่น น้องสาวจอห์นโทรมาถามว่าจอห์นกับโอน่าถึงหรือยัง แล้วเธอก็เล่าเรื่องจอห์นเก็บของเตรียมกระเป๋าเอง กลัวว่าจะลืมของของโอน่า ส่วนของตัวเองแค่เสื้อผ้าไม่กี่ตัว ขอไปด้วยก็บอกว่าไม่เป็นไร ไปได้ๆ “สงสัยอยากจะใช้เวลาเลี้ยงลูกเอง กลัวแม่เขาจะว่าเลี้ยงลูกตัวเล็กๆคนเดียวไม่ได้” เธอพูดปนหัวเราะ “มาถึงกันแล้วค่ะประมาณสองทุ่ม แล้วแกรี่ก็ลืมกระเป๋าตัวเองไว้ที่สนามบิน ฉันต้องขับรถกลับไปเอาให้ นี่ก็เพิ่งมาถึงค่ะ ตอนนี้หลับกันหมดแล้ว” เราบอกลากันแล้วก็วางสายไป
ฉันเดินกลับเข้าไปในห้อง มองนางฟ้าน้อยๆของฉันกำลังหลับอย่างไร้เดียงสาเธอคงเหนื่อยมากวันนี้ แล้วฉันก็หันมามองที่สามีของฉันที่คงเหนื่อยไม่แพ้กัน ผมเขายาวนิดหน่อยแต่ก็ยังดูดี ฉันชอบผมหยักศกของเขานะเวลาสั้นก็ดูเหมือนจะตรงพอเริ่มยาวมันจะงอๆโค้งๆนิดหน่อย มันช่วยขับใบหน้าเขาให้เข้มและดูมีอายุ เขาเป็นชายวัยสี่สีบสี่ที่ยังดูหนุ่มเวลาผมสั้น คิ้มเขายาวโค้งเหมือนคันศรตาโตลึกแต่หวานฉ่ำเวลายิ้มให้ฉัน จมูกโด่งใหญ่ได้รูปเข้ากับหน้าผากกว้างๆ ปากเขาเล็กแถมเบี้ยวนิดๆเวลายิ้ม ตอนนี้เจ้าชายของฉันหลับอยู่ เขามีรอยเหี่ยวย่นไปตามวัยหรืออาจจะเป็นเพราะเขาชอบหัวเราะบ่อยๆก็เป็นได้ เขาเป็นคนอารมณ์ดีผิดกับฉันที่อารมณ์ร้อนและขี้โมโห แต่เขาไม่เคยโกรธหรือถือสาอะไรฉันเลย เขารู้วิธีจะรับมือกับฉันยังไง แต่ตอนนี้เขาเหมือนเด็กหนุ่มกำลังนอนหลับ ถึงแม้เขาจะแก่กว่าฉันมากแต่เขาไม่เคยทำตัวแก่ เขาออกกำลังกาย กินอาหารที่มีประโยชน์อย่างที่ฉันแนะนำ และอารมณ์ดีอยู่เสมอ เขาเป็นคนขยันรักครอบครัว ชอบช่วยเหลือคนอื่นและบางครั้งก็ใจดี ใจอ่อนเกินไป I whispered by his ear “I proud of you, honey” ฉันไม่ได้ตั้งใจทำให้เขาตื่น “Hi, honey” greeted me. “Hi” said back. And I continued “I’m sorry” ฉันใช้มือข้างหนึ่งประคองใบหน้าเขาไว้และพูดซ้ำอีกครั้ง เขาดูงงนิดหน่อย “Sorry!” repeated my word. “Sorry of what.” He frowned, stared at me suspectedly and kissed my cheek “What did you do anything wrong with me? I can’t see” and “You look old tonight!” he said. I burst laughter at once. He got up and went straight to the mirror, using his hand touches his chin and turn his face to me and asked. “See, I shaved off my beard and be your handsome husband!” and “But, I still have a little bit long hair, don’t you mind?” I expressed smiling eyes to him “Anyway, you haven’t bathed yet!” I claimed. “I have been waiting for you” responded him, smiled.
We spent the wonderful time birthday happily. Robe had plans to stay in USA for 2 weeks. He went to my office very day he had been here. He was going back tomorrow. “Don’t you sleep yet, honey?” and “What are you doing?” he asked. “I’m writing….” replied me. “Your next movie? Oh, Are you writing about me, I don’t won to be a super star! I’m really tired today and going to bed.” said him and kissed me. “Yes, I do. Writing about you” said to myself calmly. He was opening the door while I said “I follow you, honey.” He smiled back “Sweet night, sweetheart.”

วันจันทร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2553

Poem: The Horse and the Farm



The Horse and the Farm
The saddle I sat and you were beside.
The horse rout straight we have got smiles.
Laughter from your eyes liked me my child.
I memorized the scenes into my mind.
Dry leaves on the ground year by year,
The horse and the farm were here, but tears.
Clunks of clogs I even couldn't hear.
So I get on the road with fears.
Eternity the field wouldn't move, it's true.
Releasing, then looking something gone, hits me through.
A waterfall time went arid, the fish couldn't flow.
Grace and hair blew into the wind, it’s cruel.
The inception of grasses, water and flowers come.
The engine was working, but the garden still calm.
The evening, work's done, yet noises were settled on my palm.
You were back again the horse and I'll be always your farm.

Cinquain Pattern #2
Food
Line1: A noun -Flood
Line2: Two adjectives -Extreme, Swift
Line3: Three -ing words -Floating, Flowing, Moving
Line4: A phrase -With slush goes along deluge
Line5: Another word for the noun – Destruction


Out of Assignment
The farm won't move to anywhere, no way
Four legs have scared its sigh
Whom love can't move, but stare
Legs walk, legs run leave bare
One day, is there any thread?
It is gone to try somewhere else
Know nothing about love beneath feet
Whom love grows grasses and constancy
to feed, making good wait for fate
The way whom love just abide
Man who is loved can fly
That the way of the horse and the farm.

Short Story : The Mom's Book




The Mom's Book
I have been spending my alone married time with Robe for four years. I decided to have a baby with him for the year of two. Robe is a man who really likes children, I noticed him usually looks out to the kids with his aura heart, kindness, warmth and joy in his eyes when we had a stroll in the park. He had never asked me about having a kid, it didn’t mean that he wasn’t brave enough, but he considered my time of age was to work as I have a good occupation and really love my job. He exactly learned that. One day, I determined to tell him that I was ready to have a kid for him. He was very surprised and exciting. We are getting old every day, especially Robe; he is older than me for twelve years and really cares of my sentiments. We love each other very much, it may sounds a normal thing to relationship of couples in general to say these sharing emotion for each other, and I think everyone can say those words anyway.We might not be special to the others in public,anyway we are absolutely special for each other.

I gave birth to a girl and named her Leona according to a girl who fortuned Robe and I meeting each other. Robe was extremely thrilled when he saw his daughter for the first time, but we had time looking after our daughter together for a year and half. Robe had to go to promote his new album in many countries, at least about six months he wouldn’t live with us. Our house is located in the same area with his parents and his daughter’s family. He had been touring week by week and had no time to rest as much as he needs, so if he had a week brake, he usually asked me to come home and I usually said “No” and “We really meet you too, but your responsibilities are there, your fans have been waiting for you for a long time. Take a rest and be inspirational of your music for them.” In the other hand, my heart was full of tears to tell him until we finished the line. I could wait undoubtedly, in contrast it was pretty hard for me too. In fact, it is our live that we are usually separated because of our work. I also work in abroad and cannot come home often as much as he does his tours.



Leona was tottering, trying to walk and saying something easy words in progress. I told Robe to chat with us on the chatting online where we could see what another was doing if he had a free day. I was cooking for lunch time while Leona was busy at her toys in front of her father watching from the laptop. The cooking was done and I turn back to Leona while she left her toys to the laptop screen with her hands were touching on it and saying something like talking to her father. She looked interested in the things in front of her. I happened to know how hard living far away from what we love, especially, Robe and us,Leona was his blood and heart. Robe’s eyes were almost tears, I saw it, remembered clearly, Leona call him "daddy", obviously it made her father wanted to return home the most.

When Robe came back home, sooner I had to go to my work. Of course, he didn’t really want me to go immediately. The schedule of my work was five months and I wouldn’t get a chance to cerebrate Christmas day and New Year with them. My birthday date is about the beginning of year. Robe called me throwing the party together with our family and would stay for one week with me of his plan, he would come to meet me with Leona alone. “You should invite your daughter’s family to go with you, they may help you about flight travelling. Leona is a little girl, sensitive and gentle she hasn’t been on the flight yet.” claimed me. But he insisted seriously what he planed, so I accepted annoyingly. That is the way he usually do, never lets anyone break his permanent plans. I am a fastidious and irritable one. I was really glad that I found him when he grew up, was older actually, he was forty when we started dating. He is a fine and modest man, careless to my changing and nonsensical emotions I have, never gets angry or take offence what I usually complain what he annoies me, he is usually do to be honest.



He called me when he arrived, but I couldn’t go to take them to my apartment by myself, so he had to take a taxi with Leona. I was really exhausted that day because my work was finished late about 9 pm, going to meet them enthusiastically anyway. Moodily, I got a phone-call from my sweetheart “Honey, I forgot my back at the airport.” He asked me to fetch it back. “Remember, I told you to ask someone to accompany you, huh!” almost screamed angrily. Leona was about two years more, airsick, didn’t walk and wanted to be carried all the time, terribly, it was crowded that day. I drove to take his bag and got home almost midnight. Opening the door, the light was turned on, there was no noise, I saw his cell-phone on the table in the living room that he never picked up the phone when I was trying to call repeatedly, stepping towards quietly the bedroom and seeing a lanky father and chubby little baby on the bed with powder was scattered on their bodies and the floor. My fetigue was gone and I could forgive anything in the world what made me got furious out of this sight. As a wife, checking her husband’s packing the luggage of order, on the way here,his daughter called me asking about the father and his daughter travelling flight and told a little bit how busy the two making a little birthday’s present for me and also Robe packed the suitcase by himself, hoping and wanting to appreciate and ensure me that he can take care of Leona when I am on work. I considered the large heavy bag was full of his daughter’s stuff, there was nothing of his own, it couldn’t be compared to the one I just took it from the airport which it was very smaller and inside, I saw clothes of him a few pieces that conveniently we could buy the new ones instead of driving miles to take it back. I confessed that I was really mad at him, suddenly I found a little box with a piece of card on the top was written “Happy Birthday Mommy from ‘Ona and Daddy”, it had favorite cookies in the lovely box.



I had an inspiration to write something about my sweethearts after that day on, even though I would be busy as bees, but I won’t get tired to do it anyway. Some day it would be created as a thick book, to my kids, full of various things about our activities and something I want to teach and give my children with love of concernedly to earn life by my experiences.

“Don’t you sleep yet, honey?” asked Robe, and “What are you writing? New movies?” I smiled sweetly to him “I am almost” replied me. He went straight and stopped beside me giving me a kiss on my head tenderly “We don’t want to leave here tomorrow. I love you and will miss you. I’m going to bed” and “You should to” said sleepily. He went to bed. I kept the notebook into the lowest drawer of my desk to be a secret waiting for proper time to be published.

วันอาทิตย์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2553

Fifth Blog My Interests : Films


I was very excited for the first time going to see a film with my friends. I‘ve been doing often when I grew up and the conditions are reasonable – money, time, and convenience in town, I am living in town right now, after all it happens to be a dream making a film. I like spending my time with imaginations, visions, attitudes, sound, light and effect techniques in an obscure compartment, I am talking about movies, being two hour there like being on another planet. I am stuck with glamour of others’ life, some it is similar or even as far as be able to catch, is it real in life? Some other things are ridiculous.

Actually, I’ve never thought about making films of my own because when I was young, I just watched for entertainments, haven’t know anything except participation of what the characters express me – enjoyment or sometimes be sad, on the other hand I’ve been aware of myself that I have something links me and the screen ahead of me, relates to me – I guess, perhaps time will reveals what it really is because we kind of learn that, what may belong to us, as I’ve told on my profile that I was born in country and the inspirations of making films are rather less when I was young. My home is far from town about seventy kilometers, you know, town where it is full of buildings, department stores, innovation, different kind of people, and many thing surrounding is prosperous in subjects, therefore my experiences in the theater are less too. Feeling of seeing movies on CDs and the theater are very different, everything for sure.
In the theater, it is spectacular, the big screen and terrific sound. I commonly go to the theater when there is a kind of movie I like come out. I tend to see almost kind of movies out of the chick’s movies such action, horror or thriller. When I get bored, I feel like seeing action movie that shooting, kicking and a lot of special effects, it relaxes me out of weariness of plat life, especially the actor is handsome such a good choice. I admire going theater because of the casts most. I sort of know many stars and if there is a name on the poster as my favor, it is easy to decide because I, except their name, also learn their acting styles and calibers. Their reputation and capabilities can guarantee, but not anytime, be careful. The film helps me - dreamy life, thinking, inspiration, killing the commotion in mind, and more. I like thinking what I’ve met or heard, using eyes and ears as the general of my head’s decision. Consider, what is the one belong with you?

Fourth Blog Diary: The Old - Stuff Keeper


It was a nighttime, tired of travel all day, had no anything in my stomach. Walking through the meandering street among the darkness straight to my apartment, it was not alone, but feeling was such, I dropped by at Seven-Eleven shop having something soft, but got nothing out of drinking water. I went to see my sister at her apartment Bang Na district where is far from my place about two hours by bus, plus almost an hour if there is a big traffic in which it fuss everyone on the road, moreover infuriate. The bus, I was on very crowded and the driver was moody. I had no a seat, had to stand at all, seeing an old man was stepping off the bus, suddenly, he was pinched his leg, frighteningly I cried “ What happened?” He is an extra-actor, I remembered. I went straight to the driver angrily “You almost cut people’s legs”, vociferously “where do you rush to, ha?”, Sensibly there were very eyes staring at me strangely. I didn’t care, went on my right work “Listen to me carefully, if you do it again, I will sue , got it” continued “Many time I saw you all the drivers' driving dangerously and neglect the passengers” I stopped breathlessly. I was serious and looked back to the way past of the old man case constantly. I struggled stopping my thoughts, actually I did nothing, just imagined so far. I pitied the poor old man, seeing the old ones were hurt, it hurt me too.
I don’t like journey, but like experiencing many places, impossibly I can’t do that without traveling on the road before going to the purpose. Today, there was nothing impressed me, taking long time on the bus for 3 hours like catching the bus to Korat, my hometown, walking alone and having nothing for dinner. I went out of the shop going to my place, turning right, I almost stumbled a woman with carried a big bag on her shoulder. She was still working, keeping plastic bottles, scrap irons or something we regarded as a trash. “I am sorry, and are you alright?" asked her worriedly and politely. Oppositely, I broke her so I should say that word. I replied nothing out of “I am okay” and then left her. Unbelievably, I was getting better from trouble, recalling her and then turning back to her giving her my water. The motions of life are not knotty or smooth every moments, something a lovely little happy or just ....you know! I am going to bed and good night.

Third Blog Dream Vacation: Northern Ireland


My Dream vacation is Northern Ireland. I was really lucky that I got bookworm as a present of debate challenge on English Activity Day last year. I’ve been dreaming of this country since two years, enthusiastically to go there after got the book as a lovely guide, it was a good omen too.
Northern Ireland, is in Ireland, parts of United Kingdom, there are a lot of things I like in this mountainous country. The country of music, people are very nice and friendly, everyone can sing I heard something like that. People with music are likely humoristic. This country is a quiet place, beautiful high mountains, big empty beaches, and long deep rivers, I‘ve seen it all in a movie PS I Love You. I like watching movies, recognizing this country from them, impressing the big mountain with wide flower garden in a national park, unforgettably the Irish guys were very attractive in the movie, but the actors who stared were natural American, they were alike Irish though in my opinion. If we are talking about another renowned movie Titanic, the biggest ship ever, people said “The ship can never sink”, finally it was broken and then sank, sadly there were poor and hopeful people, who wanted to start their new life by resorting the ship transferring them to another land of freedom America, dead, I will trace all my original impression there.

วันอาทิตย์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Second Blog Movie Review: Dear John



Movie Review: Second Edition
Dear John
casts : Channing Tatum, Amanda Seyfried
Directors: Lasse Hallström
Year : 2010
If you know Nicholas Spark and you saw the movie which is based on his job The Note book, you should watch this one. It is Dear John, is a romantic movie that I like most this year. I went to see it two times in the theater and got a DVD to entertain at home also. It was a story about two young people who met each other by accident. Of course, it was, you will agree and want some chance like the movie too to be honest. The lead actor stared as John Tyree by Channing Tatum (from G.I. Joe) and the lead actress stared as Savannah Lynn by Amanda Seyfried (from Jennifer’s body, Chloe and Letters to Juliet).Their love life, They met each other when Svannah was on vacation at her parents’ summerhouse where John lives. They fell in love at the first sight, but the time was too short, only two weeks. Savannah had to go back to her education and John needed to join his service as a soldier. They continued their love life by writing letters to each other.
The story was almost happy ending when Savannah graduated and John was done with his responsibility, unfortunately the 9/11 situation effected their hopes. Their love is put on hold. John decided to attend the military again. Time was going on, they had been still mailing letters, as soon as John got the break– love letter. What is going on next? Check it out and you will never disappoint if you love romantic movies for sure, it guarantees by the authorized author of tragic love novel, Nicholas Spark and the stars were professionals. Seeing Seyfreid was frisky and Tatum was handsome in the movie will definitely fascinate you and fall for the movie. Oh, Don’t forget to check out the three soundtracks which are really cool via.

1. http://www.youtube.com/watch?v=Qc0ODuEYp5o : Set the Fire to the Third Bar by Snow Patrol
2. http://www.youtube.com/watch?v=DjGOEU94sHc : Little House by Amanda Seyfried
3. http://www.youtube.com/watch?v=aSYfCTepe2w : Paperweight by Joshua Radin & Schuyler Fisk
I'll see you soon then.

วันอาทิตย์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

First Blog Entry: Myself


My name is Nichari Keaksanthia or Ni. I was born in January7, Nakhornratchasima, the Northeast of Thailand. My home is located in a small village, Nhongboonmark District. I have seven siblings, four brothers and two sisters. I had been studying elementary education there and then moved to another country, Burirum where it is far from my home about ten kilometers for high -school. I couldn’t remember clearly when I was young, but my mother narrated to me that she had a little time to look after her kids much enough as her wanted. My parents are both farmers and also had other businesses- a grocery and a pig farm, they had to concentrate on work as having many kids to take care of. Mom usually takes a long time when we start talking about the past, says that I am a lucky generation having life conveniently – didn’t have to carry water-bucket from the pond to home about a kilometer long, didn’t have to feed the pigs before going to school, anyway I used to control the piggies to their pigsties.

The blog was occurred because I am studying in creative writing, I am a forth year student in English major, faculty of Humanity and Society, Chandrakasem Ratchabhud University, Bangkok. I like language, choosing studying English because I’ve rather been acquainting it the most. People who can speak varieties of languages will take advantages much more than others, at lease making friends and the friends can make connections for you.
I am also interesting in music and movies, especially music, it is an amazing thing in my opinion which can penetrate into our commotions of emotions – happiness, love, sadness, loneliness, dancing and million, just for five minutes long. I have no calibers to sing. However, I make effort to make it happen for some day I would have chance to be singing onstage, including listening and reciting to memorize and get use to it, practicing vocalize as well. Ridiculously I am talented to listen to them to be honest.
I dream to have my own business as a bakery shop that why I am pleased to lose my money patrolling the taste of cakes and cookies, windily I can determine which cake is possibly tasty by its surface. You know, I am instinct.
Approve something you have, figure out if it is right on your way, who is blamed if it change? What is the life? You consider it.
Hope you all, my dear readers, enjoy life.